Le Radeau de la Méduse(1819) หรือ La Méduse
หรือชื่ออังกฤษว่า The Raft of the Medusa แปลตรงตัวก็ แพของ(เรือ)เมดูซ่า วาดโดยทีโอเดอร์ เกอริโก้ (Théodore Géricault 1791~ 1824) ศิลปินชาวฝรั่งเศส มีผลงานที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน รู้จักกันว่าเป็นคนที่ชอบวาดม้ามาก
ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีกล้องถ่ายรูปหรือวีดีโอ เมื่อจะมีการถ่ายทอดเหตุการณ์ต่างๆจึงจะกระทำโดยการวาดภาพเป็นส่วนใหญ่ เกอริโก้ได้แรงบัลดาลใจจากเหตุการณ์อันสะเทือนขวัญโลกนี้และใช้เวลากว่า 3 ปีในการวาด เกอริโก้สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต สร้างแพจำลอง ร่างภาพผู้ป่วยในโรงพยาบาล กระทั่งศึกษาศพในห้องเก็บศพเพื่อจะวาดภาพให้สมบูรณ์ที่สุด
ภาพบนผืนผ้าใบขนาดมหึมา (4.71 x 7.16 เมตร) ซึ่งถูกประกาศออกสู่ซาลอนนั้น ตกเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในแง่การเมืองมากกว่าด้านศิลปะ เกอริโก้จึงนำภาพนี้ไปโชว์ในอังกฤษและได้รับเสียงตอบรับเป็นจำนวน ปัจจุบัน ภาพ"แพของเมดูซ่า"อยู่ที่พิพิธพันธ์รูเบิ้ล
เรือเมดูซ่า เป็นเรือฟรีเกต (เรือทหาร Frigate) ออกเดินทางจากฝรั่งเศสเพื่อมุ่งไปยังเซเนกัลซึ่งเป็นอาณานิคมในขณะนั้นของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18มิถุนายน 1816 พร้อมกับเรือลูก 3 ลำ บรรทุกทหารและบุคคลมีฐานะทางการเมืองจำนวนหนึ่ง ควบคุมเรือโดยโชมาเลย์ซึ่งเป็นกัปตันเรือมือใหม่ โชมาเลย์ผู้นี้เป็นผู้ดีเก่าที่หนีออกนอกประเทศฝรั่งเศสไประหว่างการปฏิวัติ และเมื่อฝรั่งเศสฟื้นฟูอำนาจกษัตริย์ขึ้นมา ก็ได้รับตำแหน่งกับตันเรือมาอย่างหมาดๆโดยไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินเรือมาก่อนเลย ในภายหลังหนังสือพิมพ์ Correard ได้กล่าวว่าชายผู้นี้แหละที่เป็นสาเหตุแรกสุดของโศกนาฎกรรมของเรือเมดูซ่า
วันที่ 2 กรกฎาคม
อีกเพียง 500 กิโลเมตรก่อนถึงจุดหมายปลายทาง
เรือเมดูซ่าก็ชนกับหินโสโครกที่แหลมอัลกิน หลังจากพยายามจะพาเรือออกจากหินโสโครกเป็นเวลากว่า
4 วันโดยไม่เกิดผล
กับตันโชมาเลย์ก็ตัดสินใจสละเรือและออกคำสั่งให้สร้างแพขนาดใหญ่ขึ้นมา
และในวันเดียวกันนั้น แพซึ่งมีเสากระโดงและใบเรือก็เสร็จสิ้น
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแพที่ว่านี่ใหญ่แค่ไหน แต่คาดว่าคงใหญ่ไม่ธรรมดาแน่ เพราะโชมาเลย์สั่งให้ผู้โดยสาร ทหารและลูกเรือจำนวน 149 คนลงแพ ส่วนตนเองและคนสำคัญมีตำแหน่งอื่นๆขึ้นเรือชูชีพ เสบียงอาหารที่มอบให้ 149 คนบนแพมีเพียงบิสกิต 12.5 กิโลและน้ำดื่มกับไวน์หลายถัง และนี่ก็ตือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมเรือเมดูซ่า
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแพที่ว่านี่ใหญ่แค่ไหน แต่คาดว่าคงใหญ่ไม่ธรรมดาแน่ เพราะโชมาเลย์สั่งให้ผู้โดยสาร ทหารและลูกเรือจำนวน 149 คนลงแพ ส่วนตนเองและคนสำคัญมีตำแหน่งอื่นๆขึ้นเรือชูชีพ เสบียงอาหารที่มอบให้ 149 คนบนแพมีเพียงบิสกิต 12.5 กิโลและน้ำดื่มกับไวน์หลายถัง และนี่ก็ตือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมเรือเมดูซ่า
วันที่ 6 กรกฎาคม
แพถูกเชื่อมกับเรือชูชีพด้วยเชือก
โดยกลุ่มเรือชูชีพจะเป็นคนพายเรือเพื่อลากแพไปด้วย แต่เมื่อพบกับพายุ
เชือกซึ่งเชื่อมแพและเรือเข้าด้วยกันก็ขาด
ทิ้งให้แพซึ่งไม่มีหนทางในการเคลื่อนย้ายใดๆถูกคลื่นพัดพาห่างจากฝั่งไปเรื่อยๆ
คลื่นขนาดใหญ่ที่โถมเข้ามาก็พัดเอาคนบนแพหลุดหายไปทีละคนสองคน
ในวันนี้ มีทหารเรือ 3 คนเสียสติกระโดดลงทะเล พอตกค่ำก็เกิดการทะเลาะกันเพื่อแย่งน้ำจนมีการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม มีคนหลายคนถูกผลักตกน้ำไป
ในวันนี้ มีทหารเรือ 3 คนเสียสติกระโดดลงทะเล พอตกค่ำก็เกิดการทะเลาะกันเพื่อแย่งน้ำจนมีการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม มีคนหลายคนถูกผลักตกน้ำไป
วันที่ 7 กรกฎาคม
ในเช้าวันนี้ 65 คนหายไปจากแพและมีศพอยู่บนแพ 7 ศพ หนำซ้ำคนซึ่งวิวาทกันจนเสียสติยังได้ตัดเชือกซึ่งมัดแพเข้าด้วยกันขาด
น้ำจึงท่วมขึ้นมาจนถึงหน้าแข้ง อีก 60 กว่าชีวิตที่เหลืออยู่ตกอยู่ในอาการพานิคเพราะความหิวและกระหาย
วันที่ 8 กรกฎาคม
เรือชูชีพเดินทางถึงฝั่งโดยปลอดภัย
ในขณะที่คนบนแพหิวโหยจนถึงขนาดพยายามเคี้ยวเข็มขัดหนังและเชือก
พวกเขาตัดสินใจเอาเนื้อศพมากิน แต่ยังมีสติพอที่จะไม่กินดิบๆ
เนื้อถูกนำไปผึ่งแดดก่อนจะกิน
วันที่ 9 กรกฎาคม
คนที่ยังรอดชีวิตอยู่เลือกศพที่เน่าน้อยที่สุดเอาไว้เป็นเสบียงและทิ้งที่เหลือลงทะเล
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นอีก คราวนี้เพราะส่วนแบ่งของน้ำดื่ม
วันที่ 10 กรกฎาคม มีคนประมาณ 15 คนทะเลาะกันเพื่อแย่งเนื้อตากแห้ง
วันที่ 12 กรกฎาคม คนเจ็บที่ถูกตัดสินว่าไม่มีทางรอดถูกโยนลงจากแพ
ในวันนี้มีผีเสื้อสีขาวบินอยู่เหนือกระโดงแพ ทุกคนจึงคิดว่าชายฝั่งน่าจะอยู่ใกล้
หลายคนตื่นเต้นจนกระโดลงจากแพเพื่อจะว่ายหาฝั่ง แต่ก็ต้องย้อนกลับมาเพราะไม่มีใครมีแรงเหลือพอจะว่ายน้ำไปได้
วันที่ 15 กรกฎาคม หลายคนพยายามฆ่าตัวตาย
วันที่ 17 กรกฎาคม มีเรือปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า
แต่ระยะทางไกลเกินไปจนไม่สามารถส่งสัญญาณถึง แม้จะสิ้นหวัง
คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็ดิ้นรนเต็มที่ด้วยการเอาผ้าใบเรือ
(ถูกนำมาทำเป็นเต็นท์กันแดดเรียบร้อยแล้ว) มาเขียนตัวอักษรขอความช่วยเหลือ
ในตอนนั้นเอง เรือ"อัลกิสว์"ซึ่งออกมาตามหาพวกเขาผ่านพวกเขาไปในระยะ 3 กิโลโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นแพ และในขณะที่เรืออัลกิวส์กำลังจะลับขอบฟ้าไปทิ้งแพให้อยู่ในความสิ้นหวังนั้นเอง คนบนเรือก็สังเกตุเห็นแพและย้อนกลับมารับพวกเขาในที่สุด
ผู้รอดชีวิตที่ถูกช่วยเหลือมาได้ จาก 149 คน เหลือเพียง 15 คนเท่านั้นเอง
ในตอนนั้นเอง เรือ"อัลกิสว์"ซึ่งออกมาตามหาพวกเขาผ่านพวกเขาไปในระยะ 3 กิโลโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นแพ และในขณะที่เรืออัลกิวส์กำลังจะลับขอบฟ้าไปทิ้งแพให้อยู่ในความสิ้นหวังนั้นเอง คนบนเรือก็สังเกตุเห็นแพและย้อนกลับมารับพวกเขาในที่สุด
ผู้รอดชีวิตที่ถูกช่วยเหลือมาได้ จาก 149 คน เหลือเพียง 15 คนเท่านั้นเอง
ภาพซึ่งเกอริโก้วาด
แสดงถึงผู้รอดชีวิตที่ร้องเรียกเรืออากิสว์
ความหวังสุดท้ายซึ่งกำลังจะหายไปจากสายตา
โศกนาฏกรรมของเรือเมดูซ่านี้เกิดจากการเดินเรือที่ผิดพลาดจนทำให้คนมากกว่า 100 คนต้องประสบกับจุดจบอันทารุณ หากความจริงหลายอย่างก็ยังไม่ถูกเปิดเผยเป็นที่แน่ชัด
- เรือเมดูซ่าออกจากท่าเรือไหนของฝรั่งเศส
- เรือลูก 3 ลำในตอนแรก หายไปอยู่ที่ไหน
- เรือชูชีพมีทั้งหมดกี่ลำกันแน่
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ Correard ฉบับที่กล่าวโจมตีกับตันดูโลว่า เดอ โชมาเลย์ว่าเป็นสาเหตุการอับปางของเรือเมดูซ่า ยังถูกสั่งห้ามตีพิมพ์และวางขาย
รูป"The Raft of the Medusa"เองในครั้งแรกก็ถูกพิพิธพันธ์รูเบิ้ลมาซื้อไป แต่เพื่อเก็บให้พ้นจากสายตาสาธารณชนโดยไม่มีการออกโชว์ เกอริโก้จึงเอาภาพตัวเองคืนมาและเดินทางไปยังอังกฤษ
แหล่งที่มา:http://ohx3.exteen.com/20061012/the-raft-of-the-medusa
โศกนาฏกรรมของเรือเมดูซ่านี้เกิดจากการเดินเรือที่ผิดพลาดจนทำให้คนมากกว่า 100 คนต้องประสบกับจุดจบอันทารุณ หากความจริงหลายอย่างก็ยังไม่ถูกเปิดเผยเป็นที่แน่ชัด
- เรือเมดูซ่าออกจากท่าเรือไหนของฝรั่งเศส
- เรือลูก 3 ลำในตอนแรก หายไปอยู่ที่ไหน
- เรือชูชีพมีทั้งหมดกี่ลำกันแน่
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ Correard ฉบับที่กล่าวโจมตีกับตันดูโลว่า เดอ โชมาเลย์ว่าเป็นสาเหตุการอับปางของเรือเมดูซ่า ยังถูกสั่งห้ามตีพิมพ์และวางขาย
รูป"The Raft of the Medusa"เองในครั้งแรกก็ถูกพิพิธพันธ์รูเบิ้ลมาซื้อไป แต่เพื่อเก็บให้พ้นจากสายตาสาธารณชนโดยไม่มีการออกโชว์ เกอริโก้จึงเอาภาพตัวเองคืนมาและเดินทางไปยังอังกฤษ
แหล่งที่มา:http://ohx3.exteen.com/20061012/the-raft-of-the-medusa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น